Adjectives
คือ คุณศัพท์ หมายถึง
คำที่ไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป) เพื่อบอกให้รู้ลักษณะคุณภาพ หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า เป็นอย่างไร
ได้แก่คำว่า
|
||||||||
|
||||||||
|
||||||||
good
|
ดี
|
|||||||
bad
|
เลว
|
|||||||
tall
|
สูง
|
|||||||
dirty
|
สกปรก
|
|||||||
wise
|
ฉลาด
|
|||||||
red
|
แดง
|
|||||||
fat
|
อ้วน
|
|||||||
thin
|
ผอม
|
|||||||
this
|
นี้
|
|||||||
those
|
เหล่านั้น
|
|||||||
short
|
สั้น
|
|||||||
white
|
ขาว
|
|||||||
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชนิดของ Adjective
|
||||||||
Adjective
ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ
|
||||||||
1.
Descriptive Adjective คุณศัพท์บอกลักษณะ
|
||||||||
2.
Proper Adjective คุณศัพท์บอกสัญชาติ
|
||||||||
3.
Quantitative Adjective คุณศัพท์บอกปริมาณ
|
||||||||
4.
Numbearl Adjective คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน
|
||||||||
5.
Demonstrative Adjective คุณศัพท์ชี้เฉพาะ
|
||||||||
6.
Interrogative Adjective คุณศัพท์บอกคำถาม
|
||||||||
7.
Possessive Adjective คุณศัพท์บอกเจ้าของ
|
||||||||
8.
Distributive Adjective คุณศัพท์แบ่งแยก
|
||||||||
9.
Emphaszing Adjective คุณศัพท์เน้นความ
|
||||||||
10.
Exclamatory Adjective คุณศัพท์บอกอุทาน
|
||||||||
11.
Relative Adjective คุณศัพท์สัมพันธ์
|
||||||||
1.
Descriptive Adjective คือ
"คำคุณศัพท์บอกลักษณะ" หมายถึง คำที่ใช้ลักษณะหรือคุณภาพของคนสัตว์
สิ่งของและสถานที่เพื่อให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะอย่างไร ได้แก่คำว่า
|
||||||||
good,
bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich,
brave, cowardly, pretty, agly, happy, sorry, etc.
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
The
rich man lives in the big house. (คนรวยอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่)
|
||||||||
A
clever pupil can answer the difficult problem. (นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้)
|
||||||||
The
black cat cuagh a smail bird. (แมวดำตัวนั้นจับนกได้)
|
||||||||
ข้อสังเกต : rich, big,
clever, difficult, black และ
small
เป็นคุณศัพท์บอกลักษณะ
|
||||||||
2.
Proper Adjective คือ "คุณศัพท์บอกสัญชาติ" หมายถึง คำที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ
ซึ่งอันที่จริงมีรูปเปลี่ยนมาจาก Proper noun นั่นเอง ได้แก่
|
||||||||
Proper Noun
(เป็นนามเฉพาะ) |
|
|
Proper Adjective
(เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ) |
|
คำแปล
|
|||
|
|
|||||||
England
|
|
|
English
|
|
อังกฤษ, คนอังกฤษ
|
|||
America
|
|
|
American
|
|
อเมริกา, คนอเมริกัน
|
|||
Thailand
|
Thai
|
ไทย, คนไทย
|
||||||
India
|
Indian
|
อินเดีย, คนอินเดีย
|
||||||
Germany
|
|
|
German
|
|
เยอรมัน, คนเยอรมัน
|
|||
Italy
|
|
|
Italian
|
|
อิตาลี, คนอิตาเลี่ยน
|
|||
Japan
|
Japanese
|
ญี่ปุ่น, คนญี่ปุ่น
|
||||||
China
|
Chinese
|
จีน, คนจีน
|
||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
John
employs a chinese cook. (จอห์นจ้างพ่อครัวชาวจีนคนหนึ่ง)
|
||||||||
Do
you learn French literature? (คุณเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสหรือ)
|
||||||||
The
English language is used by every nation. (ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ)
|
||||||||
ข้อสังเกต : Chinese, French,
English เป็นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ
|
||||||||
3.
Quantitive Adjective คือ "คำคุณศัพท์บอกปริมาณ" หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน)ได้แก่ much, many, little, some, any,
enough, half, great, all, whole, sufficent, etc.
|
||||||||
|
||||||||
He
ate much rice at school yesterday.
|
||||||||
(เขากินข้าวมากที่โรงเรียนเมื่อวานนี้)
|
||||||||
Linda
did not give any money to her younger brother.
|
||||||||
(ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน)
|
||||||||
Take
great care of your health.
|
||||||||
(เอาใจใส่ต่อสุขภาพของคุณให้มากหน่อย)
|
||||||||
ข้อสังเกต : much, any, great ในประโยชน์ทั้ง 3 เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ
|
||||||||
4.
Numberal Adjective คือ "คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน" หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เมื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ
|
||||||||
4.1
Cardinal Numberal Adjective คือ
คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม ได้แก่
|
||||||||
one,
two, three, four, five, six, seven, etc.
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
She
gave me two apples and three organes.
|
||||||||
(หล่อนให้แอปเปิ้ลสองผล และส้มสามผลแก่ฉัน)
|
||||||||
Bill
wants to buy seven pens.
|
||||||||
(บิลต้องการซื้อปากกาเจ็ดด้าม)
|
||||||||
ข้อสังเกต : two, three, seven เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอนวางไว้หน้านาม
|
||||||||
4.2
Ordinanal Numberal Adjective คือ
"คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก ่
|
||||||||
first,
second, third, fifth, sixt, seventh, etc.
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
Tom
is the first boy to be rewarded in this school.
|
||||||||
(ทอมเป็นเด็กคนแรกที่ได้รับรางวัลในโรงเรียนนี้)
|
||||||||
Sam
won the third prize last month and the second one last week.
|
||||||||
(แซมได้รับรางวัลที่ 3 เมื่อเดือนที่แล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับรางวัลที่ 2)
|
||||||||
I
am the seventh son of my family.
|
||||||||
(ฉันเป็นลูกคนที่ 7 ของครอบครัว)
|
||||||||
ข้อสังเกต : first, third,
second, seventh เป็นคุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้านาม
|
||||||||
4.3
Mutiplicative Adjective คือ
"คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม" ได้แก่ double, triple, fourfold
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
Some
roses are double.
|
||||||||
(ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ 2 ชั้น)
|
||||||||
Buddha,
Dhamma, and Sangha are triple gems.
|
||||||||
(พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ)
|
||||||||
ข้อสังเกต : double, triple, เป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม
|
||||||||
5.
Demonstrative adjective คือ
คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์หมายถึง คําที่ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these ,those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same
|
||||||||
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น:
|
||||||||
I
invited that man to come in.
|
||||||||
(ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน)
|
||||||||
Jan
hated such things because they made her ill.
|
||||||||
(แจนเกลียดสิ่งเหล่านั้นเพราะมันทําให้เธอไม่สบาย)
|
||||||||
They
said the same thing two or three times.
|
||||||||
(พวกเขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้2หรือ3ครั้งแล้ว)
|
||||||||
ข้อสังเกต: that,such,same เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม
|
||||||||
6.interrogative
adjective คือ คุณศัพท์บอกคําถามหมายถึง
คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคําถามโดยจะวางไว้
ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ what, which, whose
|
|
|||||||
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น:
|
||||||||
What
book is he reading in the room?
|
||||||||
(เขากําลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ในห้อง)
|
||||||||
Which
way shall we go?
|
||||||||
(เราจะไปทางไหนกันนี่?)
|
||||||||
Whose
shoes are these?
|
||||||||
(รองเท้านี้เป็นของใคร)
|
||||||||
ข้อสังเกต: what,which,whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค
|
||||||||
7.
Possessive adjective คือ
คุณศัพท์บอกเจ้าของหรือสามีคุณศัพท์ หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม
ได้แก่
my,our,your,his,her,itsและtheir
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
This
is my table.
|
||||||||
(นี่คือโต๊ะของฉัน)
|
||||||||
Her
pen is on my desk.
|
||||||||
(ปากกาของหล่อนอยู่บนโต๊ะฉัน)
|
||||||||
Our
nation needs solidarity.
|
||||||||
(ชาติของเราต้องการความสามัคคี)
|
||||||||
Their
parents work hard every day.
|
||||||||
(พ่อแม่ของพวกเขาทํางานหนักทุกวัน)
|
||||||||
ข้อสังเกต : my, her, our, their เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม
|
||||||||
8.
Distributive คือ คุณศัพท์แบ่งแยก หมายถึง
คําคุณศัพท์ที่ไปขยายนาม เพื่อแยกนามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น :
|
||||||||
The
two men had each a gun.
|
||||||||
(ชายสองคนนี้มีปืนคนละกระบอก)
|
||||||||
Every
soldier is punctually in his place.
|
||||||||
(ทหารทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลาดี)
|
||||||||
Either
side is a narrow lane.
|
||||||||
(ไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่งเป็นซอยแคบ)
|
||||||||
Neither
accusation is true.
|
||||||||
(ข้อกล่าวหาทั้งสองข้อไม่เป็นความจริง)
|
||||||||
ข้อสังเกต: each,every,either,neither
เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม
|
||||||||
9.
Emphasizing Adjective คือ
คุณศัพท์เน้นความ หมายถึงคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีนำหนักขึ้น
ได้แก่
own(เอง),very(ที่แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น:
|
||||||||
Linda
said that she had seen it with her own eyes.
|
||||||||
(ลินดาพูดว่าหล่อนได้เห็นมันมากับตาเธอเอง)
|
||||||||
He
is the very man who stole my wrist watch last night.
|
||||||||
(เขาคือชายคนนั้นผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนนี้)
|
||||||||
Jean
is my own girl-friend.
|
||||||||
(จีนคือแฟนผมเอง)
|
||||||||
ข้อสังเกต : own,very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนักขึ้น
|
||||||||
10.
Exclamatory Adjective คือ
คุณศัพท์บอกอุทาน หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายเพื่อให้เป็นคําอุทาน ได้แก่ what
|
|
|
||||||
ตัวอย่างเช่น:
|
||||||||
What
a man he is!
|
||||||||
(เขาเป็นผู้ชายอะไรนะเนี่ย!)
|
||||||||
What
an idea it is!
|
||||||||
(มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ!)
|
||||||||
What
a piece of work he does!
|
||||||||
(เขาทํางานได้เยี่ยมจริงๆ!)
|
||||||||
ข้อสังเกต : what ทั้ง 3
คํา
ในประโยคเหล่านี้เป็นคุณศัพท์บอกอุทาน
|
||||||||
11.
Relative Adjective คือ
คุณศัพท์สัมพันธ์ หมายถึง
คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลังและในขณะเดียวกันก็ยังทําหน้าที่คล้ายส้นธาน
|
||||||||
เชื่อมความในประโยคของตัวเองกับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย
ได้แก่
|
||||||||
what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้)
|
||||||||
ตัวอย่างเช่น:
|
||||||||
Give
me what money you have.
|
||||||||
(จงให้เงินเท่าที่คุณมีอยู่แก่ฉัน)
|
||||||||
I
will take whichever horse you don t want.
|
||||||||
(ฉันจะนําเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้องการ)
|
||||||||
He
will read what book he wishes.
|
||||||||
[
แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา
(จะอ่าน) ]
|
||||||||
ข้อ สังเกต : What, Whichever เป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง
และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีก
ด้วย
|
||||||||
Adjective
เวลานำไปพูดหรือเขียนมีวิธีใช้อยู่ 4 อย่างคือ
|
||||||||
1.
เรียงไว้หน้าคำนามที่คุณศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงได้
เช่น
|
||||||||
*
The thin man can run very quickly.
|
||||||||
(คนผอมสามารถวิ่งได้เร็วมาก)
|
||||||||
*
A wise boy is able to answer a difficult problem.
|
||||||||
(เด็กฉลาดสามารถตอบปัญหาที่ยากได้)
|
||||||||
*
The beautiful girl is wanted by a young boy.
|
||||||||
(สาวสวยย่อมเป็นที่หมายตาของเด็กหนุ่ม)
|
||||||||
ข้อสังเกต : thin , wise ,
difficult , beautiful ,young เป็น
คุณศัพท์เรียงขยายไว้หน้านามโดยตรง
|
|
|||||||
|
||||||||
2.
เรียงไว้หลัง Verb to be, look
feel,seem,get,taste,smell,
|
||||||||
turn,go,appear,keep,become,sound,grow,etc.
ก็ได้ Adjective
|
||||||||
ที่เรียงตามกริยาเหล่านี้
ถือว่าขยายประธาน แต่วางตามหลังกริยา
|
||||||||
เพราะฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึงว่า
Subjective
Complement เช่น
|
||||||||
*
I'm feeling a bit hungry.
|
||||||||
(ฉันรู้สึกหิวนิดๆ)
|
||||||||
*
Sugar tastes sweet.
|
||||||||
(น้ำตาลมีรสหวาน)
|
||||||||
ข้อสังเกต: hungry และ sweet
เป็น Adjective เรียงไว้หลัง
|
||||||||
กริยา feeling และ tastes
ทั้งนั้น
|
||||||||
3.
เรียงคำนามที่ไปทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ได้ ทั้งนี้เพื่อ
|
||||||||
ช่วยขยายเนื้อความของกรรมนั้นให้สมบรูณ์ขึ้น
Adjiective
ที่ใช้ใน
|
||||||||
ลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็น Objiective
Complement เช่น
|
||||||||
*
Sam made his wife happy.
|
||||||||
(แซมทำภรรยาของเขาให้มีความสุข)
|
||||||||
*
I consider that man mad.
|
||||||||
(ฉันพิจารนาดูแล้วว่า ชายคนนั้นเป็นบ้า)
|
||||||||
*This
matter made me foolish.
|
||||||||
(เรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธไปได้)
|
||||||||
ข้อสังเกต: happy,mad และ foolish
เป็น Adjective ให้เรียง
|
||||||||
หลังนาม และสรรพนามที่เป็น Object คือ wife,man,me
|
||||||||
4.
เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้ ไม่ว่านามนั้นจะทำหน้าที่เป็นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนั้นมี
|
||||||||
บุพบทวลี (Perpositional
Phrase)มาขยายนามตามหลัง เช่น
|
||||||||
*
A parcel posted by mail today will reach him tomorrow.
|
||||||||
(พัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่งนี้)
|
||||||||
ข้อสังเกต: posted เป็น Adjective
เรียงตามหลังนาม parcal ได้เพราะมีบุพบทวลี by mail today มาขยายตามหลัง
|
|
|
||||||
*
I have known the manager suitable for his position.
|
||||||||
(ฉันได้รู้จักผู้จัดการซึ่งก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของเขา)
|
||||||||
ข้อสังเกต: suitable เป็นคุณศัพท์ เรียงไว้หลังนาม manager ได้เพราะมีบุพบท วลี for his position มาขยายตามหลัง
|
|
|
||||||
*
ข้อยกเว้น ในการใช้ Adjecive บางตัวเมื่อไปขยายนาม
|
||||||||
การ ใช้ Adjecive
ไปขยายนามหรือประกอบนามตามแบบตั้งแต่
ข้อ 1
ถึง 4 นั้น หมายถึง Adjecive ทั่วไปเท่านั้น แต่ถ้าเป็นAdjective ที่จะกล่าวต่อไปนี้แล้วให้มีวิธีใช้ขยายนามหรือประกอบนาม
ได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น คือ
ประกอบหน้านาม หรือเรียงหลังกริยา จะใช้ทั้ง 2 อย่างไม่ได้ นั้นคือ
|
||||||||
|
||||||||
|
||||||||
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Adjective
- Equivalent
|
||||||||
คือ "คำที่ใช้เสมือนเป็นคุณศัพท์" ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า คำที่จะนำมาใช้เสมือนหนึ่ง
|
||||||||
เป็นคุณศัพท์ที่จะกล่าวต่อไปนี้
|
||||||||
1.
คำนาม (Noun) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามด้วยกันได้
แต่ให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายนั้นทุกครั้งไป เช่น
|
|
|
||||||
Yale
University is the place for political studies.
|
||||||||
(มหาวิทยาลัยเยลเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาวิชาการเมือง)
|
||||||||
ข้อสังเกต : Yale เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยาย university ซึ่งเป็นนามด้วยกัน
|
||||||||
My
younger brother wishes to study at Suan Dusit College.
|
||||||||
(น้องชายของฉันประสงค์จะเรียนที่วิทยาลัยสวนดุสิต)
|
||||||||
ข้อสังเกต : Suan Dusit เป็นนาม แต่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม college ได้
|
||||||||
They
have worked in New York City for two years.
|
||||||||
(พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์คเป็นเวลา 2 ปีแล้ว)
|
||||||||
ข้อสังเกต : New York เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามที่ตามหลัง คือ City
|
||||||||
2.
คำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยมี Apostrophe ( 's ) มาใช้ควบนั้น นำมาใช้เป็น Adjective
|
||||||||
ขยายนามได้
และให้เรียงไว้หน้านามตัวนั้นตลอดไป เช่น
|
||||||||
John's
house was built in Denver five years ago.
|
||||||||
(บ้านของจอห์นได้สร้างไว้ที่เดนเวอร์ เมื่อ 5 ปีมาแล้ว)
|
||||||||
ข้อสังเกต : เป็นคำนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ได้
|
||||||||
The
teacher's table is larger than the students.
|
||||||||
(โต๊ะของครูมีขนาดใหญ่)
|
||||||||
ข้อสังเกต : teacher's เป็นนาม นำมาใช้บยายนาม table ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ได้
|
||||||||
3.
Infinitive (กริยาสภาวมาลา ได้แก่ to + V.1) นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนามได้
แต่วางไว้หลังนามที่มันขยายเสมอ เช่น
|
||||||||
He
has no money to give me for buying a pen.
|
||||||||
(เขาไม่มีเงินที่จะให้ฉันซื้อปากกา)
|
||||||||
ข้อสังเกต : to give เป็น Infinitive
นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนาม money ได้
|
||||||||
This
book is good for you to read.
|
||||||||
(หนังสือเล่มนี้ดีสำหรับคุณที่จะอ่าน)
|
||||||||
ข้อสังเกต : to read เป็น Infinitive
นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม you ได้
|
||||||||
4.
Participle นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้
และให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายทุกครั้ง เช่น
|
||||||||
The
standing boy is afraid of the running dog.
|
||||||||
(เด็กชายที่ยืนอยู่กลัวสุนัขที่วิ่งมา)
|
||||||||
ข้อสังเกต : standing, running เป็น Participle
นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้
|
||||||||
5.
Gerund (กริยานาม คือ Verb เติม ing
แล้วนำมาใช้อย่างนามซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไปนี้เช่นกัน)
นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้และวางไว้หน้านามนั้นตลอดไป เช่น
|
||||||||
Now
he is waiting for you in the meeting room.
|
||||||||
(เดี๋ยวนี้เขากำลังรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม)
|
||||||||
ข้อสังเกต : meeting เป็น gerund
นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม room
|
||||||||
6.
Phrase (วลีทุกชนิด) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามหรือสรรพนามได้ ส่วนตำแหน่งวางของวลีคุณศัพท์นั้นอยู่หน้านามก็มี
อยู่หลังนามก็มี เช่น
|
||||||||
The
man in this room is our guest.
|
||||||||
(ผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้เป็ฯแขกของเรา)
|
||||||||
ข้อสังเกต : in this room เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์มาขยายนาม man ที่อยู่ข้างหน้า
|
||||||||
He
wants to buy the corner.
|
||||||||
(เขาต้องการซื้อบ้านที่อยู่มุมถนนนั้น)
|
||||||||
ข้อสังเกต : on the corner เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ที่อยู่ข้างหน้า
|
||||||||
7.
Subordinate Clause (อนุประโยค)
นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้ และให้วางไว้หลังนามที่ไปขยายทุกครั้ง เช่น
|
|
|
||||||
This
is the house that Jack built.
|
||||||||
(นี้คือบ้านที่แจ๊คสร้างเอาไว้)
|
||||||||
ข้อสังเกต : that Jack built เป็น Subordinate
Clause (ประเภทคุณานุประโยค)
มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามhouse ที่วางอยู่ข้างหน้า
|
||||||||
I
know Mr. Clinton whom you want to see.
|
||||||||
(ฉันรู้จัก มิสเตอร์คลินตัน ผู้ซึ่งคุณต้องการพบ)
|
||||||||
ข้อ สังเกต : whom you want to see เป็น Subordinate
Clause (ประเภทคุณานุประโยค) มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามMr.Clinton ซึ่งวางอยู่ข้างหน้า
|
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557
Adjective
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น